วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วาทกรรมวะฮบีย์ชอบกล่าวหาผู้อื่นว่าทำชิริก

วาทกรรมวะฮบีย์ชอบกล่าวหาผู้อื่นว่าทำชิริก

โค๊ะครูอาชาอีเราะท่านหนึ่ง กล่าวว่า.....
ท่านนะบีย์เคยหวั่นกลัวว่า จะมีคนประเภทที่ชอบกล่าวหาพี่น้องมุสลิมว่ากระทำชิริก และในปัจจุบันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งพี่น้องอะฮฺลิสซุนนะฮ์ฯจะพบเห็นและรับฟังได้จากหน้าจอทีวีจานดำและสื่อต่างๆของกลุ่มนักวิชาการวะฮฺฮาบี(คณะใหม่)ที่ชอบกล่าวหาพี่น้องมุสลิมว่ากระทำชิริก !
จากท่านหุซัฺยฟะฮ์รายงานว่าท่านนะบีย์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทรงกล่าวว่า
إِنَّ مَا أَتَخَوَّفُ عَلَيْكُمْ رَجُلٌ قَرَأَ الْقُرْآنَ حَتَّى إِذَا رُئِيَتْ بَهْجَتُهُ عَلَيْهِ وَكَانَ رِدْءًا لِلإِسْلاَمِ غَيَّرَهُ إِلَى مَا شَاءَ اللهُ فَانْسَلَخَ مِنْهُ وَنَبَذَهُ وَرَاءَ ظَهْرِهِ وَسَعَى عَلَى جَارِهِ بِالسَّيْفِ وَرَمَاهُ بِالشِّرْكِ قَالَ قُلْتُ يَا نَبِيَّ اللهِ أَيُّهُمَا أَوْلَى بِالشِّرْكِ الْمَرْمِيُّ أَمِ الرَّامِي قَالَ بَلْ الرَّامِي

“ อันที่จริงสิ่งที่ฉันหวั่นกลัวต่อพวกท่านทั้งหลายนั้น คือชาย(ประเภท)หนึ่ง ที่ทำการอ่านอัลกุรอ่าน จนกระทั่งความงดงามของอัลกุรอ่านได้ปรากฏบนเขา และเขานั้นก็(ทำเป็น)ปกป้องอิสลาม เปลี่ยน(หลักการ)อิสลามตามที่อัลลอฮฺทรงประสงค์(ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ) แล้วเขาก็ปลีกตน(ออกจากหลักการ)และละทิ้ง(หลักการ)อิสลามไว้ข้างหลังเขา และทำการรบด้วยดาบ(ทำสงครามหะล้าลเลือด)ต่อเพื่อนบ้านใกล้เรียนเคียงของเขา และทำการกล่าวหาเพื่อนบ้านเรือนเคียงของเขาว่า ทำชิริก ท่านหุซัฺยฟะฮ์กล่าวต่อว่า ฉันจึงถามว่า โอ้ท่านนะบีย์ของอัลลอฮฺ คนใหนจากทั้งสองที่สมควรแก่ชิริกยิ่งกว่า ... ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ที่กล่าวหา(ว่าคนอื่นทำชิริก) ? ท่านนะบีย์ตอบว่า แต่เป็นผู้ที่กล่าวหาต่างหาก(ที่สมควรอยู่ในหลักการของการชิริก) ”
รายงานโดยอัลบัรซฺาร ท่านอัลฮาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ มัจญฺมั๊วะอฺอัซซะวาอิด 1/188. ว่าเป็นฮะดีษฮะซัน , ศอฮิห์อิบนุหิบบาน 1/281.
>>>>>>>>>>>>>>>>

โตีะครู อาชาอีเราะจอมฟิตน่ะห์ เอามาชงกล่าวหาวะฮบีย์อีกตามเคย โดยไม่เข้าใจสิ่งที่นบี สอ็ลฯ กล่าว หะดิษนี้เป็นการห้ามตักฟีร (ตัดสินว่าเป็นกาเฟร) แก่ผู้อื่นโดย ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะมาตัดสินได้

ท่านอิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ได้เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

« أَيُّمَا امْرِئٍ قَالَ لِأَخِيهِ: يَا كَافِرُ، فَقَدْ بَاءَ بِهَا أَحَدُهُمَا، إِنْ كَانَ كَمَا قَالَ، وَإِلَّا رَجَعَتْ عَلَيْهِ » [متفق عليه]

“คนใดก็ตามกล่าวกับพี่น้องของเขาว่า กาฟิรฺเอ๋ย แน่แท้มันจะกลับไปหาคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้น หากเขาเป็นตามนั้น (ก็ดีไป) หาไม่แล้วก็จะกลับมาเข้าตัวเขาเอง” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺและมุสลิม)

ชัยค์มุหัมหมัด บิน อับดุลวาฮับ ที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็น หัวหน้าวะฮบีย์ ท่านผู้นี้ ได้ยืนยันว่า ท่านจะไม่กล่าวหาผู้ใดว่าเป็นการเฟร นอกจากมีหลักฐานแน่ชัดและได้ตักเตือนก่อน

มาดูคำพูดของเช็คมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ

وأما الكذب والبهتان، فمثل قولهم: إنا نكفر بالعموم، ونوجب الهجرة إلينا على من قدر على إظهار دينه، وإنا نكفر من لم يكفر، ومن لم يقاتل، ومثل هذا وأضعاف أضعافه، فكل هذا من الكذب والبهتان، الذي يصدون به الناس عن دين الله ورسوله. وإذا كنا لا نكفر من عبد الصنم، الذي على عبد القادر، والصنم الذي على قبر أحمد البدوي، وأمثالهما، لأجل جهلهم، وعدم من ينبههم، فكيف نكفر من لم يشرك بالله إذا لم يهاجر إلينا، أو لم يكفر ويقاتل؟: {سُبْحَانَكَ هَذَا بُهْتَانٌ عَظِيمٌ

สำหรับการโกหกและการใส่ร้าย เช่น คำพูดของพวกเขาที่ว่า “ เราตัดสินการเป็นกุฟูรโดยรวม แ
ละ(ใส่ร้ายว่า)เราบังคับให้ผู้ที่มีความสามารถในการแสดงออกศาสนาของเขา(ที่อยู่ในเมือง) ให้อพยพมายังเรา และ(ใส่ร้ายว่า)เราตัดสินว่าเป็นกุฟุร ผู้ที่ไม่ได้กล่าวว่าเป็นกาเฟร และ ผู้ที่ไม่ร่วมทำสงคราม(กับเรา) และเหมือนกับสิ่งนี้มีมากมาย และทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากการโกหกและใส่ร้าย ของผู้ที่ ขัดขวางมนุษย์จากศาสนาของอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ และในเมื่อเราไม่ได้ตัดสินว่าเป็นกุฟุร ผู้ที่อิบาดะฮต่อเจว็ด ที่มีอยู่บน(กุบูร)อับดุลเกาะดีร และรูปเจว็ด ที่อยู่บนกุบูร อะหมัดอัลบะดะวีย์ และบรรดาที่เหมือนกับทั้งสองนั้น เพราะความไม่รู้ของพวกเขา และเพราะไม่มีผู้ตักเตือนพวกเขา แล้วเราจะตัดสินการเป็นกุฟุร กับผู้ที่ไม่ได้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮได้อย่างไร เมื่อเขาไม่อพยพมายังเรา หรือไม่กล่าวว่าเป็นกุฟุร หรือไม่ทำสงคราม(ร่วมกับเรา) (มหาบริสุทธิ์ พระองค์ท่าน (โอ้อัลลอฮ) นี่คือ การใสร้าย อันมหันต์ – ดู อัดดุรอรอัสสานียะฮ เล่ม 1 หน้า 104
@@@
ขนาด ผู้ที่ไปอิบาดะฮที่รูปเจว็จบนหลุมศพอับดุลกอเดรและอะหมัด อัลบะดะวีย์ ท่านเช็คมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ ยังไม่ตัดสินว่าเป็นกุฟุรเลย เพราะท่านถือว่า พวกนั้นไม่รู้และไม่มีใครตักเตือน แล้วท่านจะไปตัดสินการเป็นคนว่าเป็นกุฟุร โดยรวม โดยไม่มีสาเหตุได้อย่างไร

เช็คมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับกล่าวว่า

بل نشهد الله على ما يعلمه من قلوبنا بأن من عمل بالتوحيد وتبرأ من الشرك وأهله فهو المسلم في أي زمان وأي مكان، وإنما نكفر من أشرك بالله في إلهيته بعدما نبين له الحجة على بطلان الشرك

แต่ทว่า เราขอปฏิญานต่ออัลลอฮ บนสิ่งที่พระองค์ทรงรู้จากหัวใจของเรา ว่า ผู้ใดปฏิบัติด้วยการยึดมั่น เตาฮีด และเป็นอิสระจากการตั้งภาคี และ(เป็นอิสระ)จากผู้ที่ตั้งภาคี(ต่ออัลลอฮ) เขาคือ มุสลิม ในเวลาใดและสถานที่ใด ก็ตาม และความจริง เราจะตัดสินว่าเป็นกุฟุร ต่อผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ ในการเป็นพระเจ้าของพระองค์ หลังจากสิ่งที่เราได้ชี้แจงหลักฐานแก่เขาถึง ความเป็นโมฆะของการชิริกแล้วเท่านั้น- มุจญมัวะมุอัลลิฟาต เช็ค มุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ เล่ม 3 หน้า 34
@@@
เช็ค มุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ ชี้แจงว่า ท่านจะหุกุมว่าเป็นกาเฟรแก่ผู้ที่ทำการชิริกต่ออัลลอฮ ในการเป็นพระเจ้าของพระองค์ หลังจากที่ท่านได้บอกหลักฐานแก่เขาว่า การชิริกเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วเท่านั้น กล่าวคือ ชี้แจงหลักฐานแล้ว เขายังคงทำการเคารพภักดีต่อผู้อื่นอื่นจากอัลลอฮ อยู่อีก กรณีแบบนี้จึงหุกุมว่าเป็นกาเฟร

والله أعلم بالصواب

เครดิต....

อะสัน หมัดอะดั้ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น