วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
การโอนบุญให้คนอื่นทำได้ไหม
การโอนบุญให้คนอื่นทำได้ไหม
ปัจจุบันเป็นยุคที่ผ้คนจำนวนไม่น้อย ไม่นิยมทำบุญเองแต่มักจะพึ่งผลบุญคนอื่น โดยถือว่าเมื่อตาย แล้วให้คนอื่นทำบุญให้ แค่มีเงินจะจ้างใครให้ทำบุญให้ก็ได้ บางคนไม่เคยละหมาด ไม่เคยถือศีลอด หรือทำบ้างเป็นครั้งคราว ทำบ้างขาดบ้าง พอตายญาติก็ทำบุญอุทิศบุญให้ บางที่ให้ญาติที่ตายต้องใช้เงินว่าจ้างให้คนทำบุญ เรื่องนี้ หลักการศาสนาว่าอย่างไร
การทำทาน, การถือศีลอด และการทำหัจญ์ นั้น มีหลักฐานว่า คนเป็นทำแทนคนตายได้ และคนเป็นที่ว่า ถ้าพิจารณาในตัวบทหะดิษ คือ ทายาทของผู้ตาย ไม่มีหะดิษบทใดที่กล่าวถึงคนอื่นที่ไม่ได้เป็นทายาทของผู้ตาย แต่ก็หะดิษที่เกี่ยวกับประเด็นนี้ถูกนำไปเป็นหลักฐาน โดยรวมว่า “คนเป็นทุกคน สามารถทำความดีอุทิศบุญให้แก่คนตายได้” จนในที่สุด เกิดมีหุกุม การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญให้คนตาย,การทำบุญคนตาย 3 วัน 7 วัน 100 วัน จนกลายเป็นข้อบังคับไปโดยปริยาย เพราะถ้าใครไม่ทำ คนนั้นจะถูกสังคมกล่าวหาว่า “เป็นคณะใหม่” เป็นวาฮาบีย์
อัลอิซ บิน อับดุสสลาม กล่าวว่า
ومن فعل طـاعة لله تعالى، ثم أهدى ثوابها إلى حي؛ أو ميت لم ينتقل ثوابها إليه إذ (وَأَنْ لَيْسَ لِلْإِنْسَانِ إِلَّا مَا سَعَى) ]النجم:39[ فإن شرع في الطاعة ناوياً أن يقع عن ميت لم يقع عنه إلا فيما استثناه الشرع كالصدقة، والصوم، والحج
“และผู้ใดกระทำการภักดี เพื่ออัลลอฮ ตะอาลา หลังจากนั้นเขาได้โอนผลบุญของมันให้แก่ผู้ที่มีชีวิต หรือ ผู้ตาย ,ผลบุญของมันก็จะไม่ถึงไปยังผู้ตาย เพราะ(อัลลอฮตรัสว่า)” แท้จริงมนุษย์จะไม่ได้รับ นอกจากสิ่งที่เขาขนขวายไว้เท่านั้น”- อัลนัจญมุ /39 ดังนั้นผู้ใดเริ่มต้นในการทำการภักดี(หมายถึงกระทำความดี) โดยเจตนาทำแทนผู้ตาย ก็ไม่บังเกิดผล (คือ ไม่บังเกิดในการทำทำแทนนั้น) นอกจากในสิ่งที่ศาสนบัญญัติได้ มีข้อยกเว้นมันไว้เท่านั้น เช่น การบริจาค,การถือศีลอดและการทำหัจญ์ - อัลฟะตาวีย์ เล่ม 24 หน้า 2
สรุปจากคำฟัตวาของอัลอิซ บิน อับดิสสลาม ดังนี้
๑. ผู้ใดกระทำการภักดี เพื่ออัลลอฮ ตะอาลา หลังจากนั้นเขาได้โอนผลบุญของมันให้แก่ผู้ที่มีชีวิต หรือ ผู้ตาย ,ผลบุญของมันก็จะไม่ถึงไปยังผู้ตาย
๒. มนุษย์จะไม่ได้รับผลบุญ นอกจากสิ่งที่เขาขนขวายไว้เท่านั้น
๓. ผู้ใดการทำการภักดี(หมายถึงกระทำความดี) โดยเจตนาทำแทนผู้ตาย ก็ไม่บังเกิดผล นอกจากในสิ่งที่ศาสนบัญญัติไว้
อิหม่ามอัชเชากานีย์(ร.ฮ)กล่าวว่า
وَأَحَادِيثُ الْبَابِ تَدُلُّ عَلَى أَنَّ الصَّدَقَةَ مِنْ الْوَلَدِ تَلْحَقُ الْوَالِدَيْنِ بَعْدَ مَوْتِهِمَا بِدُونِ وَصِيَّةٍ مِنْهُمَا وَيَصِلُ إلَيْهِمَا ثَوَابُهَا فَيُخَصَّصُ بِهَذِهِ الْأَحَادِيثِ عُمُومُ قَوْله تَعَالَى { وَأَنْ لَيْسَ لِلْإِنْسَانِ إلَّا مَا سَعَى } وَلَكِنْ لَيْسَ فِي أَحَادِيثِ الْبَابِ إلَّا لُحُوقُ الصَّدَقَةِ مِنْ الْوَلَدِ ، وَقَدْ ثَبَتَ أَنَّ وَلَدَ الْإِنْسَانِ مِنْ سَعْيِهِ فَلَا حَاجَةَ إلَى دَعْوَى التَّخْصِيصِ وَأَمَّا مِنْ غَيْرِ الْوَلَدِ فَالظَّاهِرُ مِنْ الْعُمُومَاتِ الْقُرْآنِيَّةِ أَنَّهُ لَا يَصِلُ ثَوَابُهُ إلَى الْمَيِّتِ فَيُوقَفُ عَلَيْهَا حَتَّى يَأْتِيَ دَلِيلٌ يَقْتَضِي تَخْصِيصَهَا
บรรดาหะดิษในเรื่องนี้(คือ เรื่อง การบริจาค แทนผู้ตาย) แสดงบอกว่า แท้จริง การทำทาน(เศาะดะเกาะฮ) จากบุตรนั้น ส่งผลถึงบิดามารดา หลังจากที่ท่านทั้งสองได้เสียชีวิต โดยปราศจากการสั่งเสียจากคนทั้งสอง,และผลบุญของมันถึงไปยังคนทั้งสอง ทั้งนี้เพราะ บรรดาหะดิษเหล่านี้ ได้ถูกให้มาจำกัดเฉพาะ ความหมายกว้างๆของคำตรัสของอัลลอฮ ตะอาลาที่ว่า ( แท้จริงมนุษย์จะไม่ได้รับผลตอบแทน นอกจากสิ่งที่เขาขนขวายไว้เท่านั้น) แต่ไม่ปรากฏในบรรดาหะดิษของเรื่องนี้ นอกจาก ผลของการทำทาน(เศาะดะเกาะอ)ที่มาจากบุตรเท่านั้น และแท้จริง ได้ปรากฏหะดิษยืนยันว่า แท้จริง บุตรของมนุษย์นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากการขนขวายของเขา เพราะฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะไปอ้างการจำกัดเฉพาะอีกต่อไป และ สำหรับอื่นจากบุตรนั้น ตามตัวบทที่ปรากฏจากบรรดาความหมายโดยกว้างๆของอัลกุรอ่าน คือ แท้จริง ผลบุญของเขา(ของผู้ที่ไม่ใช่บุตร) จะไม่ถึงผู้ตาย ดังนั้นจึงหยุดอยู่บนนั้น จนกว่า จะมีหลักฐานใดๆ มาตัดสินการจำกัดเฉพาะของมัน – นัยลุลเอาฏอร เล่ม 4 หน้า 142
สรุปจากคำอธิบายของอัชเชากานีย์
๑. บุตรทำทาน(เศาะดะเกาะฮ)แทนผู้ตายผลบุญถึงผู้ตาย เพราะบุตรคือ ผลผลิตของผู้ตาย
๒. มนุษย์จะไม่ได้ผลตอบแทนนอกจากสิ่งที่เขาขนขวาย ยกเว้นสิ่งที่หะดิษระบุไว้ เช่น การทำทานจากบุตรผู้ตาย
๓. คนอื่นที่ไม่ใช่บุตรผู้ตาย การทำบุญของเขาไม่ถึงผู้ตาย
สรุุปความดีไม่มียกให้ ถ้าใครอยากได้ควรทำเอง ปลอดภัยที่สุด
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น