วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ข้อเท็จจริงเรื่องอะซีมัต (ภาค ๑)



ข้อเท็จจริงเรื่องอะซีมัต (ภาค ๑)

มีการอ้างะดิษข้างล่างทำอะซีมัตจากอัลกุรอ่าน

عَنْ عَمْرِو بْنِ شُعَيْبٍ ، عَنْ أَبِيهِ ، عَنْ جَدِّهِ ، قَالَ : كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُعَلِّمُنَا كَلِمَاتٍ نَقُولُهُنَّ عِنْدَ النَّوْمِ مِنَ الْفَزَعِ : " بِسْمِ اللَّهِ ، أَعُوذُ بِكَلِمَاتِ اللَّهِ التَّامَّة ، مِنْ غَضَبِهِ وَعِقَابِهِ ، وَشَرِّ عِبَادِهِ ، وَمِنْ هَمَزَاتِ الشَّيَاطِينِ ، وَأَنْ يَحْضُرُونِ " ، قَالَ : فَكَانَ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ عَمْرٍو يُعَلِّمُهَا مَنْ بَلَغَ مِنْ وَلَدِهِ أَنْ يَقُولَهَا عِنْدَ نَوْمِهِ ، وَمَنْ كَانَ مِنْهُمْ صَغِيرًا لَا يَعْقِلُ أَنْ يَحْفَظَهَا ، كَتَبَهَا لَهُ ، فَعَلَّقَهَا فِي عُنُقِهِ .

รายงานจากอัมริน บินชุอัยบฺ จากบิดาของเขา จากปู่ของเขาว่าเขากล่าวว่า
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ได้สอนพวกเรา กับบรรดาถ้อยคำ โดยให้เราทำการกล่าวมันในขณะที่ทำการนอน อีกทั้งมีความหวาดกลัว ว่า เมื่อบุคคลหนึ่งจากพวกท่านได้มีความหวาดกลัว ดังนั้น เขาก็จงกล่าวว่า ข้าพเจ้าของความคุ้มครอง ด้วยบรรดาถ้อยคำของพระองค์ที่สมบูรณ์ จากความกริ้วและการลงโทษของพระองค์ , จากความชั่วร้ายของปวงบ่าวของพระองค์ , จากบรรดาการล่อลวงของบรรดาชัยฏอน , จากการที่พวกเขาได้ปรากฏตัว? ท่านอับดุลเลาะฮ์ บิน อัมร์ (บินอาซ) ได้สอนถ้อยคำเหล่านั้น กับบุตรของเขาที่บรรลุศาสนภาวะแล้ว ให้ทำการกล่าวมันในขณะที่นอน และสำหรับบุตรของท่านที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ ท่าน(อับดุลเลาะฮ์ บิน อัมร์) ก็ทำการเขียนถ้อยคำเหล่านั้น หลังจากนั้น ก็นำมันไปแขวนที่คอบุตรของเขา, สุนัน อัตติรมีซีย์ กิตาบอัลดะอะวาต บทที่ 94 , หนังสือมุสนัด อิมามอะหฺมัด เล่ม 2 หน้า 18
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

หะดิษข้างต้น แสดงให้ข้อแตกต่างระว่างการกระทำของนบี ศอ็ล ฯกับ อับดุลลอฮ บิน อัมริน คือ
หนึ่ง – ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สอนให้อ่าน เพื่อขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ
สอง - อับดุลลอฮ บิน อัมริน สอนลูกที่โตแล้ว แต่ลูกที่ยังไม่บรรลุศาสนาภาวะ จะเขียนนำไปแขวนคอ

ในคำอธิบายหะดิษข้างต้น ที่รายงานโดยอิหม่ามอัตติรมิซีย์ ที่อัลมุบาเราะฟุรีย์ กล่าวว่า

قَالَ الشَّيْخُ عَبْدُ الْحَقِّ الدَّهْلَوِيُّ فِي اللُّمَعَاتِ : هَذَا هُوَ السَّنَدُ فِي مَا يُعَلَّقُ فِي أَعْنَاقِ الصِّبْيَانِ مِنَ التَّعْوِيذَاتِ وَفِيهِ كَلَامٌ ، وَأَمَّا تَعْلِيقُ الْحِرْزِ وَالتَّمَائِمِ مِمَّا كَانَ مِنْ رُسُومِ الْجَاهِلِيَّةِ فَحَرَامٌ بِلَا خِلَافٍ انْتَهَى . قُلْتُ : تَقَدَّمَ الْكَلَامُ فِي تَعْلِيقِ التَّعْوِيذَاتِ فِي بَابِ كَرَاهِيَةِ التَّعْلِيقِ مِنْ أَبْوَابِ الطِّبِّ

เช็คอับดุลหัก อัดดะฮละวีย์ ได้กล่าวไว้ใน อัลละมะอาต ว่า “ นี้คือสายรายงาน ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ถูกแขวนที่คอเด็กๆ จากอัตตะวีซาต(บรรดาถ้อยคำที่ใช้ขอความคุ้มครอง) และในหะดิษนี้ มีการวิจารณ์ และสำหรับการแขวนของขลัง และเครื่องราง จากสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบญาฮิลียะฮนั้น เป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) โดยไม่มีการขัดแย้ง . ข้าพเจ้า (อัลมุบาเราะกะฟูรีย) กล่าวว่า “คำพูดในเรื่อง การแขวนอัตตะวีซาต นั้น ได้กล่าวล่งหน้ามาก่อนแล้ว ในบทว่าด้วยเรื่อง การแขวน จากบรรดาบทว่าด้วยเรื่องการแพทย์ (จากรซูลุลลอฮ) - ดู ตุหฟะตุลอะหวะซีย์ กิตาบุดดะอฺวาต หะดิษหมายเลข 2528
เรื่องนี้ เป็นประเด็นเห็นต่างของชาวสะลัฟดังที่กล่าวมาแล้ว

وقالت طائفة لا يجوز ذلك ، وبه قال ابن مسعود وابن عباس وهو ظاهر قول حذيفة وعقبة ابن عامر وابن عكيم ، وبه قال جماعة من التابعين منهم أصحاب ابن مسعود وأحمد في رواية اختارها كثير من أصحابه وجزم بها المتأخرون واحتجوا بهذا الحديث وما في معناه

และคณะหนึ่ง (ของชาวสะลัฟ) ไม่อนุญาตดังกล่าว และ อิบนุมัสอูด ,อิบนุอับบาส และ เป็นที่ปรากฏทัศนะของ หุซัยฟะฮ ,อุกบะฮ ,อิบนุอุกัยมฺ ได้กล่าวด้วยมัน(ด้วยทัศนะนี้) และ คณะหนึ่งจาก บรรดาตาบิอีน ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ บรรดาษานุศิษย์ของอิบนุมัสอูด และอะหมัด ในรายงานหนึ่ง ได้กล่าวด้วยมัน(ด้วยทัศนะนี้) ซึ่ง บรรดาสานุศิษย์ของเขาจำนวนมาก ก็ได้เลือกมัน (ได้เลือกทัศนะนี้) และบรรดา นักวิชาการยุคหลัง ได้ตัดสินใจแน่วแน่ด้วยทัศนะนี้ และพวกเขาอ้างหะดิษนี้เป็นหลักฐาน และสิ่งที่อยู่ในความหมายของมัน
มิกาตอัลมะศอเบียะ เล่ม 16 หน้า 746 ฟัตหุลมะญีด หน้า 127

บรรดาเศาะหาบะฮคนสำคัญอีกหลายท่าน ไม่ยอมรับการกระทำนี้ เช่น

وذهب ابن عباس، وابن مسعود، وحذيفة، والأحناف، وبعض الشافعية، ورواية عن أحمد، إلى أنه لا يجوز تعليق شيء من ذلك؛ لما تقدم من النهي العام في الأحاديث السابقة.

อิบนุอับบาส,อิบนุมัสอูด, หุซัยฟะฮ ,อัลอะหฺนาฟ (นักวิชาการมัซฮับหะนะฟี) และ ส่วนหนึ่งของนักวิชาการมัซฮับชาฟิอี และรายงานหนึ่งจากอะหมัด มีทัศนะว่า ไม่อนุญาตให้แขวนสิ่งใดๆจากดังกล่าว(หมายถึงบทดุอาจากอัลกุรอ่านและสุนนะฮ) เพราะคำสั่งห้ามที่ระบุไว้กว้างๆในบรรดาหะดิษที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ – ดู ฟิกฮอัสสุนนะฮ กิตาบุลญะนาอิซ
หะดิษที่ท่านสัยยิดซาบิก กล่าวถึง ส่วนหนึ่งคือ

إن الرقى، والتمائم، والتولة شرك

“อันที่จริงการเสกเป่า เครื่องรางของขลังต่าง ๆ และเครื่องของเสน่ห์ต่าง ๆ นั้น เป็นการตั้งภาคี...” (บันทึกโดยอบูดาวุด : 3883 อะหฺมัด : 3604 อิบนุมาญะฮฺ : 3530
………………….
ขอเรียนว่า ไม่ปรากฏแม้หะดิษสักบทเดียวที่ท่านนบี ศอ็ล สอนให้นำกุรอ่านมาทำเครื่องราง มีแต่สอนให้ปฏิบัติตามคำสอนในอัลกุรอ่าน

ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้กล่าวในตำราของท่าน ภาคอะศูลุลฟิกฮ ว่า

وَأَمَّا أَقْوَالُ الصَّحَابَةِ ؛ فَإِنْ انْتَشَرَتْ وَلَمْ تُنْكَرْ فِي زَمَانِهِمْ فَهِيَ حُجَّةٌ عِنْدَ جَمَاهِيرِ الْعُلَمَاءِ وَإِنْ تَنَازَعُوا رُدَّ مَا تَنَازَعُوا فِيهِ إلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ . وَلَمْ يَكُنْ قَوْلُ بَعْضِهِمْ حُجَّةً مَعَ مُخَالَفَةِ بَعْضِهِمْ لَهُ بِاتِّفَاقِ الْعُلَمَاءِ

สำหรับบรรดาคำพูดของเศาะหาบะฮนั้น หากมันแพร่หลาย และไม่ถูกคัดค้าน ในสมัยของพวกเขา มันคือ หุญญะฮ(หลักฐานนำมาอ้างอิงได้) ในทัศนะนักวิชาการส่วนใหญ่(ญุมฮูร) และถ้าหากพวกเขามีความเห็นขัดแย้งกัน ก็ให้นำสิ่งที่พวกเขาขัดแย้ง กลับไปหาอัลลอฮและรอซูล และ หากทัศนะบางส่วนของพวกเขา(เศาะหาบะฮ) โดยที่อีกส่วนหนึ่งของพวกเขาเห็นต่าง(มีความเห็นขัดแย้ง) จะไม่เป็นหลักฐาน(ที่จะเอามาอ้างอิงได้) ด้วยการเห็นฟ้องของบรรดานักวิชาการ – อัลฟะตาวา เล่ม 20 หน้า 14
..................
สรุปจากคำพูดของอิบนุตัยมียะฮ
หนึ่ง – ทัศนะเศาะหาบะฮ หากปรากฏเป็นที่แพร่หลายในสมัยพวกเขา และไม่มีใครคัดค้าน ก็ถือเป็นหลักฐานได้
สอง – หากทัศนะของเศาะบะฮที่มีเศาะหะบะฮส่วนหนึ่ง มีทัศนะเห็นต่าง หรือขัดแย้งก็ให้นำประเด็นนั้นไปตรวจสอบกับอัลกุรอ่านและหะดิษ เพื่อหาข้อสรุปว่าทัศนะกลุ่มใดตรงกับอัลกุรอ่านและหะดิษ
เพราะฉะนั้น เรื่อง ทำอะซีมัตด้วยอายะฮอัลกุรอ่าน บรรดาเศาะหาบะฮเห็นต่างกัน จึงควรนำไปดูว่าในอัลกุรอ่านสอนให้ทำอะซีมัตหรือไม่ และรอซูลสอนให้ทำอะซีมัตหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ไม่มีน้ำหนักที่จะอ้างคนใดคนหนึ่งมาเป็นหลักฐาน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น