วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

การยืนยันความหมายอายาตสิฟาตตามตัวบทเป็นแนวทางของสะลัฟ


การยืนยันความหมายอายาตสิฟาตตามตัวบทเป็นแนวทางของสะลัฟ

บทนำ...
ในบรรดาโองค์การของอัลกุรอ่านที่เป็นอายัตมุตะชาบิฮาตนั้น
...........................................................................................
ถ้าไม่ตะวี้ล กล่าวคือ อิสบาต(ยืนยัน)ในสิ่งมุสตะฮิ้ลที่เป็นซอฮิ้ร(ผิวเผิน)อายะห์ แล้วมอบหมายรูปแบบให้แก่อัลลอฮซึ่งไม่เหมือนมัคลูก เช่น มือในแบบของอัลลอฮ หลักการนี้ เป็นแนวทางของสลัฟฏอและห์หรือวะบี
.....................................
ชี้แจง
ข้างต้น เป็นการโกหกให้ร้ายแก่กลุ่มที่ถูกเรียกวะฮบีย์ เพราะ การยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮ ตามความหมายที่มีมาในตัวบทนั้น เป็นแนวทางสะลัฟ ส่วนที่คำว่า "อัซซอฮีร" ที่คณะเก่าอาชาอีเราะ แปลว่า ผิวเผิน นั้น เป็นการอุปโลกน์คำแปลจากโต๊ะครูอาชาอิเราะฮคนหนึ่ง เพราะคำว่า "อัซซอฮีร" คือ ความหมายตามภาษาของคำนั้นที่ปรากฏในตัวบท
ยกตัวอย่าง หะดิษนูซูล (หะดิษที่กล่าวถึงทรงเสด็จลงมา) ท่าน อบูสุลัยมัน อัลคิฏอบีย์ (ฮ.ศ 388) อธิบายว่า
هذا الحديث وما أشبهه من الأحاديث في الصفات كان مذهب السلف فيها الإيمان بها، وإجراءها على ظاهرها ونفي الكيفية عنها.
หะดิษนี้ และ สิ่งที่คล้ายคลึงกับมัน จากบรรดาหะดิษสิฟาต ปรากฏว่า มัซฮับสะลัฟ ในมัน(ในบรรดาหะดิษสิฟาต) คือ การศรัทธาด้วยมัน และปล่อยมันให้ดำเนินไปตามความหมายที่ปรากฏของมัน และปฏิเสธการอธิบายรูปแบบวิธีการจากมัน – ดู
الأسماء والصفات للبيهقي (ج2 ص377)
เพราะฉะนั้น คำพูดสะลัฟ ไม่ได้หมายถึงห้ามแปลความหมายในทางภาษา โดยให้อ่านทับศัพท์
ซูฟยาน บิน อุยัยนะฮ(ฮ.ศ 198) กล่าวว่า
كُلُّ شَيْءٍ وَصَفَ اللَّهُ بِهِ نَفْسَهُ فِي الْقُرْآنِ ، فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيرُهُ ، لا كَيْفَ وَلا مِثْلَ
ทุกสิ่งที่อัลอฮ พรรณนาคุณลักษณะแก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน การอ่านมัน คือ การอธิบายมัน ไม่มีการถามว่าเป็นอย่างไร และไม่มีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบ
كتاب الصفات للدارقطني (ص70)؛ شرح أصول اعتقاد أهل السنة والجماعة للالكائي (ج3 ص431)
อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 538) อธิบายคำพูดอิบนุอุยัยนะฮว่า
فقراءته تفسيره" أي هو على ظاهره لا يجوز صرفه إلى المجاز بنوع من التأويل
การอ่านของมัน คือการตัฟสีรมัน หมายถึง มันอยู่บนความหมายที่ปรากฏของมัน ไม่อนุญาตให้ผันมันไปสู่ความหมายเชิงอุปมา (มะญาซ) ด้วยชนิดใดๆ จากการตีความ
العلو للعلي الغفار للذهبي (ص263)؛ وكتاب العرش له (ج2 ص359-360
มาดูอิหม่ามอัซซะฮะบีย์อาธิบายดังนี้
وكما قال سفيان وغيره "قراءتها تفسيرها"، يعني أنها بينة واضحة في اللغة، لا يبتغى بها مضائق التأويل والتحريف. وهذا هو مذهب السلف مع إتفاقهم أيضا أنها لا تُشْبِه صفات البشر بوجه إذ الباري لا مثل له لا في ذاته ولا في صفاته
และดังที่ ซูฟยานและอื่นจากเขา กล่าวว่า “การอ่านมัน คือ การตัฟสีรมัน หมายถึง แท้จริงมันมีความหมายชัดเจน และแจ่มแจ้งในทางภาษา และไม่สมควร ทำให้ยุ่งยากด้วยการตีความและเปลี่ยนแปลงความหมาย และนี้คือ แนวทางของสะลัฟ พร้อมทั้งการเห็นฟ้องของพวกเขา อีกว่า ไม่คล้ายคลึงกับ บรรดาลักษณะของมนุษย์ จะด้วยทางใดๆ (ก็ตาม) เพราะ พระผู้ทรงสร้าง ไม่มีตัวอย่างเปรียบเทียบใดๆสำหรับพระองค์ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับซาตของพระองค์ และ ไม่ว่าเกี่ยวกับบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ก็ตาม –ดู อัลอุลูวีย ลิอะลียิลฆอฟฟาร หน้า 251
และการยืนยันสิฟัตอัลลอฮตามตัวบท ไม่ถือว่า เป็นการนำอัลลอฮตาอาลาไปเปรียบกับมัคลูค
ดังที่ปราชญ์ยุคสะลัฟยืนยันไว้คือ
وَقَالَ نُعَيْمُ بْنُ حَمَّادٍ : مَنْ شَبَّهَ اللَّهَ بِشَيْءٍ مِنْ خَلْقِهِ فَقَدْ كَفَرَ ، وَمَنْ أَنْكَرَ مَا وَصَفَ اللَّهُ بِهِ نَفْسَهُ فَقَدْ كَفَرَ ، وَلَيْسَ فِيمَا وَصَفَ اللَّهُ بِهِ نَفْسَهُ وَلَا رَسُولُهُ تَشْبِيهٌ
และ นุอัยมฺ บิน หัมมาด กล่าวว่า “ ผู้ใดเปลียบเทียบอัลลอฮ ว่าคล้ายคลึงด้วยสิ่งใดๆจากมัคลูคของพระองค์ แน่นอน เขาเป็นกุฟุร และผู้ใด ปฏิเสธ สิ่งที่อัลลอฮทรงพรรณนาคุณลักษณะแก่ตัวของพระองค์เองด้วยมัน แน่นอนเขาเป็นกุฟุร และ สิ่งที่อัลลอฮ ทรงพรรณนาคุณลักษณะแก่ตัวของพระองค์เองด้วยมันและสิ่งที่รอซูลของพระองค์ (พรรณนาคุณลักษณะแก่พระองค์ด้วยมัน)นั้น ไม่ใช่เป็นการตัชบีฮ(หมายถึงไม่ใช่เป็นเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคลึงกับมัคลูค) – ดู ชัรหุอะกีดะฮอัฏเฎาะหาวียะฮ เล่ม หน้า 85 และ ดู ชัรหุอุศูลเอียะติกอด อะฮลิสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ เล่ม 2 หน้า 532 หะดิษหมายเลข 936
บางคนยึดอะกีดะฮตามแนวอะฮลุลกาลาม หรือนักวิภาษวิทยา แต่ดันมาอ้างว่า ตนเชียวชาญแนวทางสะลัฟ แล้วนั่งเทียนสอนคนแบบผิดๆ แถมใส่ร้ายคนอื่น
والله أعلم بالصواب

แครดิต...
อะสัน หมัดอะดั้ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น