วิกฤตความขัดแย้งของบรรดาผู้รู้ที่คนอาวามไม่ควรนิ่งเฉย
อิสลามนอกจากสอนให้มุสลิมมีความเป็นเอกภาพ และมีความสามัคคีบนคำสอนอิสลาม ดังที่อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
وَاعْتَصِمُوا بِحَبْلِ اللَّهِ جَمِيعًا وَلَا تَفَرَّقُوا ۚ
และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน
وقوله : ( واعتصموا بحبل الله جميعا ولا تفرقوا ) قيل ( بحبل الله ) أي : بعهد الله ، كما قال في الآية بعدها : ( ضربت عليهم الذلة أينما ثقفوا إلا بحبل من الله وحبل من الناس ) [ آل عمران : 112 ] أي بعهد وذمة وقيل : ( بحبل من الله ) يعني : القرآن ، كما في حديث الحارث الأعور ، عن علي مرفوعا في صفة القرآن : " هو حبل الله المتين ، وصراطه المستقيم " .
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และพวกเจ้าจงยึดสายเชือก ของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน ) มีผู้กล่าวว่า (ด้วยสายเชือกอัลลอฮ)หมายถึง ด้วยพันธสัญญาแห่งอัลลอฮ ดังที่พระองค์ตรัส ในอายะฮหลังจากนั้นว่า (
ضُرِبَتْ عَلَيْهِمُ الذِّلَّةُ أَيْنَ مَا ثُقِفُوا إِلَّا بِحَبْلٍ مِّنَ اللَّهِ وَحَبْلٍ مِّنَ النَّاسِ
ความต่ำช้าได้ถูกฟาดลงบนพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเขาถูกพบ นอกจากด้วยสายเชือกจากอัลลอฮ์ และสายเชือกจากมนุษย์ -อาลิอิมรอน/12 หมายถึง พันธสัญญา และความรับผิดชอบ และมีผู้กล่าวว่า (ด้วยสายเชือกของอัลลอฮ) หมายถึง อัลกุรอ่าน ดังระบุในหะดิษอัลหาริษอัลอะวัร รายงานจากอาลี เป็นหะดิษมัรฟัวะ ในคุณลักษณะของอัลกุรอ่านว่า มันคือ สายเชือกของอัลลอฮที่มั่นคง และเป็นหนทางของพระองค์ที่เที่ยงตรง - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร ๒/๘๙
....
อายะฮนี้ สอนให้มีความเป็นเอกภาพ สามัคคีกัน บน การยึดมั่นในศาสนาหรือ อัลกุรอ่าน หากมุสลิมไม่ยึดคำสอนศาสนา ซึ่งหมายถึงคำสอนที่มาจากเจ้าของศาสนา นั้นคือ คำสอนของอัลลอฮ โดยผ่านการอธิบายและแบบอย่างของศาสดามุหัมหมัด ศอ็ลฯ แน่นอนความเป็นเอกภาพย่อมจะไม่เกิด แม้จะป่าวประกาศหรือตะโกนเรียกร้องจนสุดเสียงและหมดเสียงก็ตาม
อีกประการหนึ่งคือ เมื่อบรรดาผู้รู้ หรืออุลามาอ์ ซึ่งเป็นผู้นำของคนอาวาม เมื่อมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับศาสนา, อิสลามก็ได้กำหนดกติกาไว้แล้ว เพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพคือ
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَأَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَأُوْلِي الأَمْرِ مِنكُمْ فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ إِن كُنتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْويْلاً (النِّساء/59)
“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังเราะสูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮ์ และเราะสูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง”-อันนิสาอ/๕๙
......
เพราะฉะนั้นหากผู้รู้ยังคงถือทิฐิ รักษาผลประโยชน์ของตัวเองและหมู่คณะ ไม่ยอมปฏิบัติตามกติกาของอัลลอฮ คำว่า "เอกภาพในสังคมมุสลิม" มันใกลเกินที่จะฝันและเป็นไปได้อยากในความเป็นจริง
ในขณะเดียวกัน อิสลามสอนให้ยึดมันในความเป็นภราดรภาพหรือความเป็นพี่น้องในระหว่างมุสลิม ดังที่อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า
إِنَّمَا الْمُؤْمِنُونَ إِخْوَةٌ فَأَصْلِحُوا بَيْنَ أَخَوَيْكُمْ وَاتَّقُوا اللَّهَ لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ (سورة الحجرات: 10)
ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นพวกเจ้าจงไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันระหว่างพี่น้องทั้งสองฝ่ายของพวกเจ้า และจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา”-อัลหุญะรอต/๑๐
.....
จากอายะฮข้างต้น ในปัจจุบัน อย่าว่าแต่คนอาวาม ชาวบ้านตาสี ตาสา เลย แม้แต่นักวิชาการ ที่คำก็บอกว่าตามอัลกุรอ่าน คำ ก็บอกว่าตามสุนนะฮนบี
ยังปฏิบัติกันไม่ได้เลย เมื่อมีความเห็นต่างก็ทำสงครามน้ำลายใส่กัน แย่งชิงพื้นที่และมวลชน จนไม่เหลื่อความเป็นพี่น้องในอิสลาม อีกทั้งทำให้คนอาวามที่ตะอัศศุบกับผู้รู้ แตกแยกกันไปด้วย -นะอูซุบิลละฮ
........
จึงใคร่ขอความกรุณาพี่น้องทั้งหลายว่า ทุกวันนี้ เรานับถือศาสนาเพื่ออัลลอฮหรือเพื่อใคร หากเพื่ออัลลอฮ ก็จงถอยออกมาจากความขัดแย้ง แล้วหาวิธีการและเรียกร้องให้ผู้รู้ ผู้นำที่ขัดแย้งกัน หันหน้าเข้ามาคุยกันให้ได้ หากเขายังดันทุรัง ก็จงอย่าให้มีเวทีสำหรับผู้รู้ฟิตนะฮ ไม่อย่างนั้น ฟิตนะในหมู่ผู้รู้ ที่มีผลต่อคนอาวามจะบานปลายออกไป จนทำให้คนรุ่นหลังเบื่อหน่ายกับการศึกษาศาสนาในที่สุด เพราะไม่รู้จะตามใครดี ส่วนคนที่ศึกษาศาสนาก็แบ่งค่ายตีกันฟิตนะฮใส่กันไม่รู้จักจบสิ้น
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น